เห็นทั้งบทความแนะนำ โฆษณาสินค้า รวมถึงรีวิว เรื่องฟอกสีฟันที่ทำให้เปลี่ยนฟันเหลืองให้ขาวขึ้นจนเห็นได้ชัด หลายคนก็ยังเกิดความสงสัยและไม่กล้าตัดสินใจว่า การฟอกสีฟันนั้นสามารถฟอกสีฟันได้ทุกคนหรือไม่ ลองศึกษาเรื่องนี้ดูแล้วมีคำตอบ
ฟันแบบไหนสามารถฟอกสีได้
วิวัฒนาการการดูแลฟันเพื่อให้ดูสวยอย่างที่มนุษย์ปรารถนามีวิธีการและรูปแบบที่เพิ่มมากขึ้น การฟอกสีฟันก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเมื่อคนทั่วไปชื่นชมว่า ฟันที่สะอาดสวยจะต้องมีสีขาว ซึ่งขาวเกินกว่าที่ธรรมชาติให้มา จึงมีการคิดค้นวิธีการแก้ไขสีของฟันเพื่อให้ได้ฟันขาวอย่างที่ต้องการ ภายใต้พื้นฐานที่ว่า ฟันแท้ของคนเราจะมีเคลือบฟันเคลือบอยู่ เมื่อฟันกลายเป็นสีเหลืองด้วยเหตุปัจจัยภายนอก สีเหลืองๆ นั้นจะเกิดขึ้นบริเวณที่เป็นเคลือบฟัน ดังนั้น น้ำยาฟอกสีฟันที่ผลิตขึ้นมาจึงมีคุณสมบัติในการฟอกสีฟันที่เป็นฟันตามธรรมชาติเท่านั้น ไม่รวมฟันปลอมหรือฟันที่ผ่านการทำครอบฟัน วีเนียร์ เพราะมีคุณสมบัติแตกต่างจากฟันแท้ตามธรรมชาตินั่นเอง
ใครบ้างที่ฟอกสีฟันไม่ได้
เบื้องต้นแล้ว การฟอกสีฟันมีสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนสีฟันแท้ให้ขาวขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้น ยังมีสาเหตุอีกบางประการที่ทำให้ฟอกสีฟันไม่ได้ บางสาเหตุเป็นข้อจำกัดชั่วคราว บางสาเหตุอาจเป็นข้อจำกัดถาวร ดังต่อไปนี้
1. คนที่จะฟอกสีฟันที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี ยังไม่ควรฟอกสีฟัน ทั้งนี้เนื่องจากเด็กที่อายุยังน้อยจะยังไม่หยุดการพัฒนาร่างกาย รวมถึงเส้นประสาทในฟันและโพรงประสาทฟันด้วย ถ้าทำไปอาจมีผลข้างเคียงตามมาคือ เกิดเสียวในโพรงฟัน รวมถึงเกิดความระคายเคืองง่ายกว่าผู้ใหญ่
2. คนที่กำลังจัดฟันอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้เครื่องมือจัดฟันที่ไม่ใช่แบบใส จะมีวัสดุที่เป็นโลหะติดกับฟัน กลุ่มนี้ไม่ควรฟอกสีฟัน จนกว่าจะจัดฟันเสร็จ ถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว เพราะหากฟอกสีฟันตอนที่ยังมีเครื่องมือติดอยู่ น้ำยาจะสัมผัสกับฟันเฉพาะที่ไม่ติดเครื่องมือ ทำให้ฟันขาวไม่ทั่วถึง เพราะมีจุดเหลืองๆ ในตำแหน่งของจุดติดเครื่องมือ คนที่มีการทำสะพานฟัน ใส่ฟันปลอม ก็ไม่ควรฟอกสีฟันเช่นกัน
3. คนที่มีฟันที่ผ่านการตกแต่งจนไม่ใช่ธรรมชาติแล้ว เช่น ผ่านการทำเคลือบฟัน ฟันที่อุด ซ่อมคอฟัน ก็เป็นเคสที่ไม่สามารถฟอกสีฟันได้ เนื่องจากน้ำยาที่ใช้จะทำปฏิกิริยากับฟันแท้เท่านั้น
4. ผู้หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอดแล้วแต่ยังต้องให้นมบุตร โดยทั่วไปสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร จะต้องใส่ใจพิถีพิถันในการดำรงชีวิต อะไรที่อาจจะส่งผลไปถึงบุตร ต้องหลีกเลี่ยงไปก่อน ซึ่งรวมทั้งการฟอกสีฟันด้วย เนื่องจากในการฟอกสีฟันจะต้องมีการฉายแสง LED เพื่อเร่งการทำปฏิกิริยาของน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งแสงนี้เองอาจรบกวนลูกน้อยในครรภ์ได้ อนึ่ง ในช่วงให้นมบุตร แพทย์อาจพิจารณาฟอกสีฟันให้ได้ จึงควรปรึกษาทันตแพทย์เป็นกรณีๆ ไป
5. ผู้ที่กำลังมีปัญหาเรื่องโรคเหงือกหรือเหงือกอักเสบ เหงือกร่น รวมถึงปริทันต์อื่นๆ ในทำนองเดียวกัน ต้องรักษาให้หายก่อนจึงจะฟอกสีฟันได้ เพราะน้ำยาที่ใช้ฟอกสีฟันนั้นอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นได้
6. คนที่มีอาการเสียวฟันอยู่ก่อน ยังไม่ควรฟอกสีฟัน เนื่องจาก อาการเสียวฟันเป็นผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นเสมอเมื่อมีการฟอกสีฟัน ถ้าเสียวฟันอยู่แล้วจะยิ่งไปซ้ำเติมอาการให้มากขึ้นไปอีก
7. กรณีอื่นๆ ที่ต้องทำการรักษาให้หายขาดก่อน ก็เช่น การรักษารากฟัน การอุดฟันที่ผุ คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโพรงฟัน รากฟันโผล่
8. คนกลุ่มที่ไม่สามารถฟอกสีฟันได้เลยก็คือ คนที่แพ้สารเพอร์ออกไซด์ ซึ่งเป็นน้ำยาสำคัญในการฟอกสีฟัน เพราะจะเกิดผลข้างเคียงจากการแพ้สารแน่นอน
9. อีกกลุ่มที่อาจจะฟอกสีฟันได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ต่ำมาก ไม่คุ้มกับการลงทุนนั่นก็คือ กลุ่มที่มีสภาพธรรมชาติของฟันที่ตอบสนองต่อน้ำยาฟอกสีฟันน้อย สังเกตได้จากฟันจะมีคราบสีเข้มผิดปกติ คราบสีเทา คราบเป็นสีม่วง น้ำตาล ฟันที่ไม่เหมือนคนอื่นเช่นนี้ อาจมีส่วนมาจากการได้รับยาเตตราไซคลีน มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วทำให้ฟันเปลี่ยนสีก็เป็นได้ กลุ่มคนที่มีฟันแบบนี้ ฟอกสีฟันได้ก็จริง แต่ทำแล้วไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนคนอื่น
10. กลุ่มที่ฟอกสีฟันได้ แต่ได้ผลระยะสั้นมากๆ จนไม่น่าฟอกสีฟันอีกกลุ่มก็คือ กลุ่มที่ติดกินอาหารสีสันจัดจ้านติดฟัน ติดดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง แบบไม่สามารถเลิกกินหรือดื่มได้ กลุ่มนี้แม้ฟอกสีฟันไป ก็จะกลับมามีฟันเหลืองเหมือนเดิมในเวลาอันรวดเร็ว เช่น เดือนเดียวก็ฟันเหลืองเท่าก่อนทำแล้ว เป็นต้น ถ้าเป็นเช่นนี้ก็อย่าเพิ่งฟอกสีฟันดีกว่า เพราะบางทียังไม่ทันหายเสียวฟันก็ต้องฟอกใหม่แล้ว
โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่สามารถฟอกสีฟันได้ถ้ามีฟันแท้ ยกเว้นกรณีแพ้สารฟอกสีฟัน หรือยังอายุน้อยเกินไป นอกจากนั้นก็เป็นข้อจำกัดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องทำการแก้ไขก่อนจึงค่อยฟอกสีฟันต่อไป